สวัสดีวันจันทร์ ครับ.....
วันนี้เป็นวันที่ใครหลายๆคน รวมถึงตัวผมด้วย เบื่อเอามากๆ เพราะเป็นวันแรกของสัปดาห์
ที่เราต้องตื่นไปทำงาน ต้องเจอกับรถติดของกรุงเทพฯ หรือต้องเจอการประชุมซึ่งไม่รู้จะมีข้อสรุปรึเปล่า
และผมเชื่อหลายท่านคนอยากให้มันผ่านพ้นไปเร็วๆ แต่ยังไงมันก็คือชีวิตของพวกเราครับ
ผมจึงนำบทความดีๆ อ่านแล้วมีกำลังใจในการทำงานต่อไป มาฝากครับ
คุณรู้หรือไม่ว่า .. ความเคร่งเครียด จะนำมาสู่การมีทัศนคติแง่ลบ กับงานที่คุณทำไม่ว่าคุณเจออุปสรรค์เล็กหรือใหญ่
คุณก็จะมองว่ามันใหญ่โตเกินกว่าที่คุณจะรับมือได้ สุดท้ายคุณก็จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปในที่สุด
จริงๆ แล้วหากเรามองให้ดีๆ จะพบว่า อะไรกันแน่ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เราพบความล้มเหลว ตัวเราเอง หรือคนอื่น หรือสภาพแวดล้อมอื่น
ในวันนี้ผมอยากบอกท่านผู้อ่านทุกท่านว่า ไม่มีอะไรที่จะมาทำร้ายเราได้ นอกจากเราจะทำร้ายตัวเราเอง
ดังนั้น ก่อนที่เราจะแก้ปัญหาความเคร่งเครียดด้วยสาเหตุอื่น ๆ เรามาปรับทัศนคติให้ดีขึ้นกันดีกว่านะคะ เรามาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
1. ไม่เป็นไร ผิดพลาดกันได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่
คุณทำงานผิดพลาดแล้วยังจะมานั่งโทษตัวเองให้เหนื่อยทำไม ให้กำลังใจตัวเองเพื่อทำงานชิ้นต่อไปดีกว่านะครับ
ยิ่งมัวจมกับความผิดพลาดเดิม ๆ เราก็จะทำงานอื่นต่อไม่ได้ สู้เอาความผิดพลาดมาทำให้ถูกต้องในงานชิ้นใหม่ดีกว่า
สัจธรรมของชีวิต ที่ต้องจำไว้อย่างหนึ่งคือ ไม่มีใครจำเรื่องของคนอื่นนานหรอก ถึงใครจะว่าเรามากมายแค่ไหน
แต่พอเดินพ้นหน้าเราไปเขาก็ต้องคิดเรื่องอื่นแทน แล้วเราจะมาลงโทษตัวเองอยู่ทำไม
2. งานไม่ได้หนักทุกวันสักหน่อย เดี๋ยวก็ได้พักแล้ว
เวลางานล้นมือเราอาจท้อ แต่ท้อไปงานก็ไม่เสร็จ ลุกมาทุ่มเททำให้เสร็จ ๆ ไปดีกว่า เหนื่อยแค่ไหนเดี๋ยวก็ได้พัก
และสิ่งที่ต้องทำเมื่องานเยอะคือ จัดระเบียบเส้นตายของงานแต่ละชิ้น เจรจาต่อรองถ้าคิดว่าจะไม่เสร็จตรงเวลา
แล้วค่อย ๆ ทำไปทีละงาน เดี๋ยวดีเองครับ
3. ถึงจะไม่เก่งงานนี้ แต่เราก็พยายามเต็มที่แล้ว
บ่อยครั้งที่เราได้รับมอบหมายงานที่ไม่ถนัด ก็คิดเสียว่าไม่เป็นไร ทำให้เต็มที่ แต่ก่อนทำก็บอกคนที่มอบหมายหน่อยว่าไม่ค่อยถนัดนะ
แต่จะทำเต็มที่ ผิดพลาดอะไรบอกได้ เขาจะได้ไม่คาดหวังมาก แต่ถ้าทำออกมาแล้วดีก็ถือเป็นกำไร
อย่าเสียใจที่ทำงานบางประเภทไม่เก่ง เพราะเราอาจจะเก่งในงานประเภทอื่นก็ได้ จำไว้ว่าปลาอาจจะว่ายน้ำเก่งกว่าลูกสุนัข
แต่ปลาวิ่งไม่ได้เหมือนกัน ถ้าปลาตัวหนึ่งจะโดดขึ้นมาบนบกแล้วคืบคลานจนถลอกปอกเปิกก็คงไม่มีใครว่าอะไร
เพราะมันเป็นปลาจริงไหมครับ
4. ใครจะว่าอะไรก็ช่าง ถ้าเราไม่ได้เป็นอย่างนั้นก็พอแล้ว
เคยได้ยินคนพูดเรื่องการติดฉลากไหม การติดฉลากคือการประทับตราว่าสิ่งนั้นเป็นอะไร เพื่อให้ง่ายต่อการจัดประเภท
ทีนี้ปัญหาอยู่ที่ว่าถ้าติดฉลากถูกก็ดีไป แต่ถ้าเมื่อไรติดฉลากผิด สิ่งนั้นจะไม่ใช่สิ่งที่เป็นตามฉลากก็เท่านั้น
ในหลักการเดียวกัน ถ้าใครมาว่าคุณสารพัดเรื่อง แต่ถ้าคุณไม่ได้เป็นอย่างเขาบอก ก็ไม่เห็นจะต้องคิดมากกับฉลากที่เขาเอามาติดไว้
ถ้าคุณเป็นน้ำตาลแล้วเขาเอาฉลากน้ำปลามาติดให้ก็ไม่ใช่ปัญหาของคุณ เขาเองต่างหากที่คิดผิด
5.ให้เกียรติงานที่ทำด้วยการทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ อย่าบ่นว่าไม่ชอบงาน
นึกถึงกระเป๋ารถเมล์ที่ยิ้มแย้มแจ่มใสสิครับ แล้วเปรียบเทียบกับเราที่นั่งบ่นอยู่นั่นแล้วว่าเหนื่อย ไม่สนุก
ถามว่างานหรือเปล่าที่ทำให้เราทุกข์ จริง ๆ แล้วเราต่างหากที่ทำให้ตัวเองเป็นทุกข์ เพราะนั่งพร่ำบ่นกับสิ่งที่ไม่ได้ดั่งใจ
ถ้าใครได้ทำงานที่ชอบก็ดีไป แต่อย่าลืมว่างานที่ชอบก็มีด้านที่ทำให้เราเหนื่อยได้เหมือนกัน
ใช่ว่าหนทางการทำงานจะปูด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป สิ่งที่เราควรคิดคือ งานคือสิ่งที่ทำให้เราใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า
อย่าดูถูกงานของตัวเอง ไม่เช่นนั้นเราก็ดูถูกตัวเองด้วยที่เลือกทำงานนั้น อย่าลืมว่าเราต่างหากที่เป็นคนเลือกที่จะทำหรือไม่ทำ
ดังนั้นทำงานที่เราเลือกในเวลานั้น ๆ
หวังว่าทุกท่านจะเริ่มมีทัศนคติดี ๆ ที่มีพลังพอที่จะเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ นะครับ
วันนี้เป็นวันที่ใครหลายๆคน รวมถึงตัวผมด้วย เบื่อเอามากๆ เพราะเป็นวันแรกของสัปดาห์
ที่เราต้องตื่นไปทำงาน ต้องเจอกับรถติดของกรุงเทพฯ หรือต้องเจอการประชุมซึ่งไม่รู้จะมีข้อสรุปรึเปล่า
และผมเชื่อหลายท่านคนอยากให้มันผ่านพ้นไปเร็วๆ แต่ยังไงมันก็คือชีวิตของพวกเราครับ
ผมจึงนำบทความดีๆ อ่านแล้วมีกำลังใจในการทำงานต่อไป มาฝากครับ
คุณรู้หรือไม่ว่า .. ความเคร่งเครียด จะนำมาสู่การมีทัศนคติแง่ลบ กับงานที่คุณทำไม่ว่าคุณเจออุปสรรค์เล็กหรือใหญ่
คุณก็จะมองว่ามันใหญ่โตเกินกว่าที่คุณจะรับมือได้ สุดท้ายคุณก็จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปในที่สุด
จริงๆ แล้วหากเรามองให้ดีๆ จะพบว่า อะไรกันแน่ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เราพบความล้มเหลว ตัวเราเอง หรือคนอื่น หรือสภาพแวดล้อมอื่น
ในวันนี้ผมอยากบอกท่านผู้อ่านทุกท่านว่า ไม่มีอะไรที่จะมาทำร้ายเราได้ นอกจากเราจะทำร้ายตัวเราเอง
ดังนั้น ก่อนที่เราจะแก้ปัญหาความเคร่งเครียดด้วยสาเหตุอื่น ๆ เรามาปรับทัศนคติให้ดีขึ้นกันดีกว่านะคะ เรามาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
1. ไม่เป็นไร ผิดพลาดกันได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่
คุณทำงานผิดพลาดแล้วยังจะมานั่งโทษตัวเองให้เหนื่อยทำไม ให้กำลังใจตัวเองเพื่อทำงานชิ้นต่อไปดีกว่านะครับ
ยิ่งมัวจมกับความผิดพลาดเดิม ๆ เราก็จะทำงานอื่นต่อไม่ได้ สู้เอาความผิดพลาดมาทำให้ถูกต้องในงานชิ้นใหม่ดีกว่า
สัจธรรมของชีวิต ที่ต้องจำไว้อย่างหนึ่งคือ ไม่มีใครจำเรื่องของคนอื่นนานหรอก ถึงใครจะว่าเรามากมายแค่ไหน
แต่พอเดินพ้นหน้าเราไปเขาก็ต้องคิดเรื่องอื่นแทน แล้วเราจะมาลงโทษตัวเองอยู่ทำไม
2. งานไม่ได้หนักทุกวันสักหน่อย เดี๋ยวก็ได้พักแล้ว
เวลางานล้นมือเราอาจท้อ แต่ท้อไปงานก็ไม่เสร็จ ลุกมาทุ่มเททำให้เสร็จ ๆ ไปดีกว่า เหนื่อยแค่ไหนเดี๋ยวก็ได้พัก
และสิ่งที่ต้องทำเมื่องานเยอะคือ จัดระเบียบเส้นตายของงานแต่ละชิ้น เจรจาต่อรองถ้าคิดว่าจะไม่เสร็จตรงเวลา
แล้วค่อย ๆ ทำไปทีละงาน เดี๋ยวดีเองครับ
3. ถึงจะไม่เก่งงานนี้ แต่เราก็พยายามเต็มที่แล้ว
บ่อยครั้งที่เราได้รับมอบหมายงานที่ไม่ถนัด ก็คิดเสียว่าไม่เป็นไร ทำให้เต็มที่ แต่ก่อนทำก็บอกคนที่มอบหมายหน่อยว่าไม่ค่อยถนัดนะ
แต่จะทำเต็มที่ ผิดพลาดอะไรบอกได้ เขาจะได้ไม่คาดหวังมาก แต่ถ้าทำออกมาแล้วดีก็ถือเป็นกำไร
อย่าเสียใจที่ทำงานบางประเภทไม่เก่ง เพราะเราอาจจะเก่งในงานประเภทอื่นก็ได้ จำไว้ว่าปลาอาจจะว่ายน้ำเก่งกว่าลูกสุนัข
แต่ปลาวิ่งไม่ได้เหมือนกัน ถ้าปลาตัวหนึ่งจะโดดขึ้นมาบนบกแล้วคืบคลานจนถลอกปอกเปิกก็คงไม่มีใครว่าอะไร
เพราะมันเป็นปลาจริงไหมครับ
4. ใครจะว่าอะไรก็ช่าง ถ้าเราไม่ได้เป็นอย่างนั้นก็พอแล้ว
เคยได้ยินคนพูดเรื่องการติดฉลากไหม การติดฉลากคือการประทับตราว่าสิ่งนั้นเป็นอะไร เพื่อให้ง่ายต่อการจัดประเภท
ทีนี้ปัญหาอยู่ที่ว่าถ้าติดฉลากถูกก็ดีไป แต่ถ้าเมื่อไรติดฉลากผิด สิ่งนั้นจะไม่ใช่สิ่งที่เป็นตามฉลากก็เท่านั้น
ในหลักการเดียวกัน ถ้าใครมาว่าคุณสารพัดเรื่อง แต่ถ้าคุณไม่ได้เป็นอย่างเขาบอก ก็ไม่เห็นจะต้องคิดมากกับฉลากที่เขาเอามาติดไว้
ถ้าคุณเป็นน้ำตาลแล้วเขาเอาฉลากน้ำปลามาติดให้ก็ไม่ใช่ปัญหาของคุณ เขาเองต่างหากที่คิดผิด
5.ให้เกียรติงานที่ทำด้วยการทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ อย่าบ่นว่าไม่ชอบงาน
นึกถึงกระเป๋ารถเมล์ที่ยิ้มแย้มแจ่มใสสิครับ แล้วเปรียบเทียบกับเราที่นั่งบ่นอยู่นั่นแล้วว่าเหนื่อย ไม่สนุก
ถามว่างานหรือเปล่าที่ทำให้เราทุกข์ จริง ๆ แล้วเราต่างหากที่ทำให้ตัวเองเป็นทุกข์ เพราะนั่งพร่ำบ่นกับสิ่งที่ไม่ได้ดั่งใจ
ถ้าใครได้ทำงานที่ชอบก็ดีไป แต่อย่าลืมว่างานที่ชอบก็มีด้านที่ทำให้เราเหนื่อยได้เหมือนกัน
ใช่ว่าหนทางการทำงานจะปูด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป สิ่งที่เราควรคิดคือ งานคือสิ่งที่ทำให้เราใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า
อย่าดูถูกงานของตัวเอง ไม่เช่นนั้นเราก็ดูถูกตัวเองด้วยที่เลือกทำงานนั้น อย่าลืมว่าเราต่างหากที่เป็นคนเลือกที่จะทำหรือไม่ทำ
ดังนั้นทำงานที่เราเลือกในเวลานั้น ๆ
หวังว่าทุกท่านจะเริ่มมีทัศนคติดี ๆ ที่มีพลังพอที่จะเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ นะครับ